
ลักษณะทั่วไป
แพนด้ายักษ์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความน่ารักมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก คนส่วนใหญ่คิดว่าแพนด้ายักษ์เป็นสัตว์อ้วนเตี้ยอุ้ยอ้ายแสนน่ารัก แต่ที่จริงแล้วแพนด้ายักษ์ก็เป็นอันตรายเช่นเดียวกับหมีชนิดอื่น ๆ มีรูปร่างคล้ายหมี มีขนสีดำที่บริเวณหู, รอบดวงตา, รอบปากและจมูก, บ่า และขาทั้งสี่ข้าง ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายปกคลุมด้วยขนสีขาว นักวิทยาศาสตร์ไม่ทราบเหตุผลที่แน่นอนว่าทำไมแพนด้ายักษ์จึงมีขนสีขาวดำแปลกประหลาดเช่นนี้ บางคนคิดว่าลักษณะเช่นนี้เป็นประโยชน์ในการพรางตัวบริเวณร่มเงาในสิ่งแวดล้อมที่เป็นหิมะและภูเขา ขนหนาและปุกปุยของมันช่วยเก็บรักษาความอบอุ่นของร่างกายได้ดีแม้อากาศจะหนาวจัด แพนด้ายักษ์มีฟันกรามขนาดใหญ่และกระดูกขากรรไกรแข็งแรงที่สามารถบดลำไม้ไผ่ให้แตกได้ แพนด้ายักษ์มีขนาดใกล้เคียงกับหมีดำของอเมริกา เมื่อมันยืนสี่ขาจะมีความสูงจากพื้นถึงหัวไหล่ประมาณ 2-3 ฟุต มีความยาวประมาณ 4-6 ฟุต ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย และอาจมีน้ำหนักมากกว่า 115 กก.สำหรับแพนด้ายักษ์ที่อาศัยในป่า ส่วนตัวเมียส่วนมากจะมีน้ำหนักไม่ถึง 100 กก.
ถิ่นอาศัย, อาหาร
แพนด้ายักษ์กระจายพันธุ์ในแนวเทือกเขาทางตอนกลางของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในมณฑลเสฉวน, ชานซี และกานสู ในอดีตแพนด้ายักษ์เคยกระจายพันธุ์ลงมาถึงบริเวณที่ราบต่ำ แต่เพราะการตัดไม้ทำลายป่า, การขยายพื้นที่เกษตรกรรม และการพัฒนาพื้นที่ ทำให้ปัจจุบันแพนด้ายักษ์ถูกจำกัดการกระจายพันธุ์ให้เหลือเฉพาะในเทือกเขาเท่านั้น แพนด้ายักษ์อาศัยอยู่ในป่าสนและป่าไม้ใบกว้าง (broadleaf) ที่มีต้นไผ่อยู่หนาแน่นที่ระดับความสูง 5,000-10,000 ฟุต บริเวณนี้มีฝนตกหนัก และหมอกหนาปกคลุมตลอดปี สำหรับประเทศไทยได้มีการค้นพบฟอสซิลของแพนด้าที่จังหวัดลำปาง
อาหารส่วนใหญ่ (ประมาณร้อยละ 99) ของแพนด้ายักษ์ที่อาศัยในป่าธรรมชาติคือไผ่ นอกนั้นก็จะเป็นหญ้าชนิดอื่นๆ อาจพบว่ามันกินสัตว์เล็ก เช่น สัตว์ฟันแทะขนาดเล็กหรือลูกของกวางมัสก์ (Musk Deer) บ้างเป็นครั้งคราว ส่วนอาหารของแพนด้ายักษ์ในสวนสัตว์ได้แก่ ไผ่, อ้อย, ธัญพืช, บิสกิตชนิดพิเศษที่มีเส้นใยสูง, ผลไม้และผัก เช่น แครอท, แอปเปิ้ล และมะเขือเทศ
พฤติกรรม, การสืบพันธุ์
โดยปกติแพนด้ายักษ์ที่โตเต็มวัยแล้วจะอยู่เพียงลำพัง แต่ก็มีการติดต่อสื่อสารกับแพนด้ายักษ์ตัวอื่นบ้างเป็นช่วงๆ โดยใช้การสื่อสารด้วยสารเคมีจากต่อมกลิ่น, เสียงร้อง และการพบปะกันบ้างเป็นครั้งคราว แพนด้ายักษ์ในป่าธรรมชาติใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหาอาหาร, กินอาหาร และการพักผ่อน มันไม่จำศีล (hybernation) เหมือนหมีชนิดอื่นๆในป่าเขตอบอุ่น ในอดีตนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแพนด้ายักษ์ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ตามลำพัง มีการพบปะของตัวเมียและตัวผู้เฉพาะช่วงฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น แต่จากการศึกษาในปัจจุบันค้นพบบางสิ่งที่แตกต่างออกไปคือพบว่า แพนด้ายักษ์จะอาศัยเป็นกลุ่มเล็กๆ ในอาณาเขตกว้างใหญ่ และบางครั้งจะมีการพบปะกันบ้างนอกฤดูผสมพันธุ์ ยังคงมีการศึกษาอยู่ต่อไปเกี่ยวกับความลับในการดำรงชีวิตของสัตว์ที่ยากจะเข้าใจชนิดนี้ การค้นพบใหม่ ๆ จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถอนุรักษ์แพนด้ายักษ์ไว้ไม่ให้สูญพันธุ์ สำหรับเรื่องอายุขัยมีรายงานว่าแพนด้ายักษ์ในกรงเลี้ยงมีอายุประมาณ 35 ปี และพบว่า “ชิงชิง” (Hsing-Hsing) แพนด้ายักษ์ที่อาศัยในสวนสัตว์แห่งชาติตายเมื่อ ค.ศ. 1999 ขณะมีอายุได้ 28 ปี นักวิทยาศาสตร์ไม่ทราบข้อมูลแน่นอนเกี่ยวกับอายุขัยของแพนด้ายักษ์ที่อาศัยในป่าธรรมชาติ ทราบแต่เพียงว่าสั้นกว่าอายุขัยของแพนด้ายักษ์ในกรงเลี้ยง
แพนด้ายักษ์มีฤดูผสมพันธุ์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น เป็นช่วงเวลาสั้นๆเพียง 2-3 วัน ที่ตัวเมียมีความต้องการจะผสมพันธุ์และสามารถตั้งท้องได้ ในช่วงเวลานั้นจะมีการสื่อสารโดยใช้เสียงร้องและกลิ่นเพื่อดึงดูดให้ตัวเมียและตัวผู้มาพบและผสมพันธุ์กัน แพนด้ายักษ์จะโตเต็มวัยพร้อมจะผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่อายุ 4-8 ปี ตัวเมียจะตั้งท้องประมาณ 95-160 วัน อาจจะตกลูกได้ครั้งละ 2 ตัว แต่โดยปกติจะมีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่รอดชีวิต ลูกแพนด้ายักษ์จะอยู่กับแม่ไปจนกระทั่งอายุประมาณ 1.5 - 3 ปี แล้วจึงแยกตัวออกไป ซึ่งหมายความว่าโอกาสที่แพนด้ายักษ์ตัวเมียจะสามารถมีลูกได้ก็คือทุก 2-3 ปี ดังนั้นตลอดชีวิตของมันก็อาจประสบความสำเร็จในการตกลูกได้เพียง 5-8 ตัว
สภาพปัจจุบัน
มีประชากรแพนด้ายักษ์หลงเหลือในป่าธรรมชาติประมาณ 1,000 ตัว และมีประชากรในกรงเลี้ยงตามสวนสัตว์และสถานที่เพาะเลี้ยงอื่น ๆ อีกประมาณ 140 ตัว ซึ่งส่วนมากอยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน แพนด้ายักษ์จัดเป็นสัตว์ที่อยู่ในภาวะวิกฤติเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เป็นอย่างยิ่ง





หลิินปิงแรกเกิด- สัตวแพทย์สวนสัตว์เชียงใหม่ดูแลแพนด้าน้อย
หลินปิงสมบูรณ์ - ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์เพาะพันธุ์แพนด้าหยาอัน ประเทศจีน บินมาตรวจสอบสุขภาพแพนด้าน้อย
แม่ลูก - หลินปิง อายุ 3 วัน ส่งเสียงร้องในอ้อมกอด"หลินฮุ่ย" แม่หมีมือใหม่ โดยสวนสัตว์เชียงใหม่เตรียมรับนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะหลั่งไหลมาดูแพนด้าแม่ลูกคู่นี้ล้นหลามช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
หลินปิงโตเร็ว - หลินปิง แพนด้าน้อยลูกของ"หลินฮุ่ย" ขนหูและขอบตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ทั้งที่เพิ่งมีอายุแค่ 5 วัน ผู้วชาญระบุเป็นสัญญาณดีว่ามีความแข็งแรงและโตเร็ว (1 มิ.ยง 52)
ไผ่พิเศษ - หลินฮุ่ยเริ่มกินใบไผ่เพื่อบำรุงร่างกายแล้ว โดยจัดหามาพิเศษจากยอดดอยอินทนนท์ พร้อมๆกับอุ้มลูกแพนด้าน้อยหลินปิงที่กำลังโตวันโตคืนอย่างทะนุถนอมไม่ยอมห่าง แต่ก็ทำหลุดมืออีกจนได้ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.
แข่งตั้งชื่อ- จนท.ตรวจสุขภาพแพนด้าน้อยหลินปิง พบขนหู ขอบตาและขา เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำชัดเจนขึ้น ล่าสุดทางองค์การสวนสัตว์ เตรียมเปิดให้ประชาชนทั่วประเทศประกวดตั้งชื่อแพนด้าน้อยหลินปิง ชิงรางวัลเงินล้านแล้ว ตามข่าว
ขนมแพนด้า - จนท.สวนสัตว์เชียง ใหม่ แสดงกรรมวิธีปรุง "ขนมปังไผ่" อาหารโปรดหมีแพน ด้า ขณะที่ "หลินฮุ่ย" กับหลินปิงผ่านช่วง 7 วันอันตราย หมีน้อยเริ่มเลียนแบบแม่
เริ่มตั้งไข่- หลินปิง ลูกแพนด้าน้อย ซึ่งมีอายุเพียง 9 วัน เริ่มตั้งไข่ เดิน 4 ขาได้แล้ว โดยที่หูทั้ง 2 ข้างมีสีดำชัดเจนขึ้น ผู้ว ชาญจากประเทศจีนระบุหลินปิงมีสุขภาพแข็งแรงมาก น้ำหนักตัวก็เพิ่มขึ้นถึง 100 กรัม
หยอกล้อ - หลินฮุ่ย ใช้จมูกดันหยอกล้อกับหลินปิง ผู้เชีี่ยวชาญชี้เป็นการฝึกให้ลูกหมีช่วยตัวเอง โดยหลินฮุ่ยเริ่มให้หลินปิงนอนและยืนมากขึ้น ขณะที่ประชาชนทั่วประเทศทยอยส่งชื่อแพนด้าน้อยเข้าประกวด
หลินปิงโตวันโตคืน - ทีมสัตวแพทย์นำหลินปิง ออกมาตรวจสุขภาพหลังมีชีวิตได้ 11 วัน พบว่ามีพัฒนา การทางด้านร่างกายดีมาก น้ำหนักตัวก็เพิ่มขึ้น ขนก็เริ่มสมบูรณ์ เริ่มเดิน 4 ขาได้มั่นคง
หลินปิงตัวเมียแน่- สัตวแพทย์สวนสัตว์เชียงใหม่ นำแพนด้าน้อยหลินปิงมาหงายให้ดูรูป"ตัววีคว่ำ" อันแสดงว่าเป็นหมีเพศเมียอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้เผยยอดคนที่เดินทางมาชมหลินปิงช่วง 11 วัน พุ่งถึง 3 หมื่นคนแล้ว
หลินปิงเริ่มซน - แพนด้าน้อยหลินปิงนอนกลิ้งขยับร่าง กาย แขนขา เมื่อแม่หลินฮุ่ยปล่อยวางลงบนพื้นห้องเลี้ยงสวนสัตว์เชียงใหม่ สัตว แพทย์ชี้เป็นพัฒนาการที่ดีทั้งแม่และลูกหมี
หลินปิงโตพรวด- หลินปิงเติบโตและมีชีวิตครบ 2 สัปดาห์ น้ำหนักพุ่งพรวดเป็น 500 กรัมแล้ว ผิวหนังเริ่มย่น ผู้วชาญจากจีนระบุจากนี้หลินฮุ่ยจะใช้ปากงับหนังหลินปิงแล้วลากไปกับพื้น แทนการคาบขึ้นมาอุ้ม ตามข่าว
หลินปิงสีขนชัดขึ้น- สภาพของลูกหมีแพนด้าหลินปิง มีขนสีดำขึ้นตามร่างกายอย่างชัดเจนมากกว่าเดิม ขณะที่องค์การสวนสัตว์และไปรษณีย์ไทย เปิดตัวไปรษณียบัตร ซึ่งจัดพิมพ์ถึง 30 ล้านใบ ให้ประชาชนส่งมาร่วมโหวตชื่อของหลินปิง
หลินปิงสุขสันต์- "หลินฮุ่ย" หยอกล้อกับหลินปิง ในกรงอย่างมีความสุข หลังกินอาหารได้มากขึ้น ขณะที่ "ช่วงช่วง" เริ่มร้องเรียกหาเมียและหลินปิง จากกรงใกล้ๆ กัน เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.
หลินปิงแข็งแรง - ทีมสัตวแพทย์นำหลินปิงตรวจสุขภาพอีกครั้งเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. พบว่าตัวโตขึ้นมาก มีน้ำหนัก 630 กรัม ขณะที่องค์การสวนสัตว์จะประกาศชื่อที่ประชาชนส่งประกวด 4 ชื่อที่เข้ารอบ เพื่อเริ่มโหวตในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ (13 มิ.ย. 52)
ฟูมฟักหลินปิง - "หลินฮุ่ย" กอดหลินปิงไว้กับอก แพนด้าน้อยหลินปิงโตวันโตคืนในสวนสัตว์เชียงใหม่ และจะคัดชื่อที่ส่งเข้ามากว่า 4 แสนชื่อให้เหลือ 4 ชื่อ ก่อนจะเริ่มโหวตตั้งแต่วันนี้ทั่วประเทศ
กล่อมลูก- "หลินฮุ่ย" จับลูกแพนด้าหลินปิงซุกไว้ในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม โดยหลินปิงตัวโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่สวนสัตว์เชียงใหม่ยืนยันจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมหลินปิงได้ในช่วงต้นเดือนก.ค.นี้
หลินปิงสมบูรณ์แข็งแรง- เจ้าหน้าที่นำหลินปิงมาตรวจสุขภาพล่าสุด พบว่าสมบูรณ์ขึ้นตามลำดับ ส่วนภาพเล็ก คือ ด.ญ.พิชญ์สินี ไชยเชษฐ์ อายุ 7 ขวบ หนูน้อยชาวโคราช 1 ใน 4 ที่ชนะการประกวดตั้งชื่อแพนด้า ในชื่อ "หลินปิง"
โปร่งใส - หลินปิงซุกในอกแม่อย่างอบอุ่น โดยหลินฮุ่ยเริ่มปรับตัว ดูแลลูกได้เก่งขึ้น ทำลูกหล่นน้อยลง ขณะที่ทางสวนสัตว์โต้ข้อครหาโดยยืนยันว่า การตัดสินชื่อแพนด้าน้อยที่เข้ารอบสุดท้าย 4 ชื่อ โปร่งใส
หลินปิงหลับปุ๋ย - แพนด้า "หลินฮุ่ย" กับหลินปิงที่น้ำหนักขึ้นพรวดเป็น 1 ก.ก. แล้วนอนหลับกันอย่างมีความสุข ขณะที่สวนสัตว์เชียงใหม่เตรียมเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมหลินปิงในวันที่ 4-6 ก.ค.นี้ (18 มิ.ย. 52)
ใส่ถุงเท้า- หลินปิงเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้วชาญระบุเป็นแพนด้าที่มีลักษณะพิเศษ คือสีดำที่ขาหลัง แพนด้าทั่วไปจะมีสีดำจนถึงโคนขา แต่แพนด้าน้อยหลินปิงมีสีดำแค่หัวเข่าเหมือนใส่ถุงเท้าดำ (19 มิ.ย.52)
หวงลูก - "หลินฮุ่ย"นอนเล่นกับหลินปิงอย่างสบายใจ แต่ทีมสัตวแพทย์พบว่าแม่หมีแพนด้าเริ่มระแวงสัตวแพทย์และพี่เลี้ยง ไม่ยอมให้เข้าใกล้หลินปิง อาจมีปัญหาในการแยกหมีน้อยมาให้ประชาชนดูตัวเป็นๆ ช่วงวันที่ 4-6 ก.ค.นี้

